ยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชม “นวัตวิถีเอกลักษณ์ชุมชนกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต” หมู่บ้านอัมพวัน

แบบเสนอโครงการ
ยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชม “นวัตวิถีเอกลักษณ์ชุมชนกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต” หมู่บ้านอัมพวัน

1. ชื่อโครงการ

ยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชม “นวัตวิถีเอกลักษณ์ชุมชนกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต” หมู่บ้านอัมพวันมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามคณะเทคโนโลยีสารสนเทศคณะเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ คณะครุศาสตร์ และคณะวิทยาการจัดการตำบลลำคลองผศ.ดร.ธรัชอารีราษฎร์คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม อำเภอเมืองจังหวัดมหาสารคามมือถือ ๐๙๘๑-๙๗๔๕๔๖๔๙ ที่ทำงาน : ๐๔๓-๐๒๐๒๒๗๑ ผศ.ดร.ธรัชอารีราษฎร์ สาขาการจัดการเทคโนโลยี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ
๒ อาจารย์ ดร.อภิชาติเหล็กดี สาขาการจัดการเทคโนโลยี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ
๓ ผศ.ดร.อุทัย โคตรดก สาขาสัตวศาสตร์ คณะเทคโนโลยีการเกษตร
๔ ผศ.ดร.พูนศักดิ์สิริโฉมสาขาสถิติวิจัย คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
๕ ผศ.ดร.สุทธินีอัตถากรสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์
๖ ผศ.กนกวรรณ ศรีวาปีสาขาปฐมวัย คณะครุศาสตร์
๗ อาจารย์ศุภนิธิขำพรพมราชสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา คณะครุศาสตร์
๘ อาจารย์ธันยชนก ปะวะละสาขาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจคณะวิทยาการจัดการ

2. พื้นที่ดำเนินงาน

จังหวัดอำเภอตำบลลักษณะพื้นที่
กาฬสินธุ์ เมืองกาฬสินธุ์

3. รายละเอียดชุมชน

ข้อมูลพื้นฐาน : เทศบาลตำบลลำคลอง ได้ยกฐานะจากสภาตำบลเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล เมื่อปี ๒๕๔๒ และยกฐานะจากองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นเทศบาลตำบล เมือปี พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยเทศบาลตำบลลำคลอง ประกอบด้วยชุมชน๗ บ้าน(แบ่งเป็น ๑๐ หมู่บ้าน) ได้แก่ บ้านสะอาดนาทมหมู่ที่ ๑ บ้านหนองสองห้อง หมู่ที่ ๒ บ้านหาดทองหมู่ที่ ๓บ้านโนนตูม หมู่ที่ ๔ บ้านปลาเค้าใหญ่ หมู่ที่ ๕ บ้านปลาเค้าน้อยหมู่ที่ ๖ บ้านอัมพวันหมู่ที่ ๗ บ้านมิตรสัมพันธ์หมู่ที่ ๘บ้านสะอาดใต้หมู่ที่ ๙ บ้านหนองม่วงหมู่ที่ ๑๐ปัจจุบันตำบลลำคลองแบ่งเขตกหารเลือกตั้งออกเป็น ๒ เขต สมาชิกสภาเทศบาลตำบล จำนวน๑๒ คนดังนี้ เขตเลือกตั้งที่ ๑ ได้แก่ หมู่ที่ ๑ชุมชนบ้านสะอาดนาทม หมู่ที่ ๒ชุมชนบ้านหนองสองห้อง หมู่ที่ ๙ชุมชนบ้านสะอาดใต้ และเขตเลือกตั้งที่ ๒ ได้แก่ หมู่ที่ ๓ชุมชนบ้านหาดทอง หมู่ที่ ๖ชุมชนบ้านปลาเค้าน้อย หมู่ที่ ๗ ชุมชนบ้านอัมพวัน หมู่ที่ ๑๐ ชุมชนบ้านหนองม่วงประชากร มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น ๔,๒๗๓ คน แยกเป็นชาย ๒,๐๗๗ คนหญิง ๒,๑๙๖ คน จำนวนครัวเรือน ๑,๒๙๔ ครัวเรือน
ลักษณะภูมิประเทศพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มอุดมด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารและมีคลองชลประทานไหลผ่านเหมาะแก่การทำการเกษตรอาทิ -ทำนาทำไร่ทำสวนและการประมงเพราะมีอาณาเขตติดต่อกับเขื่อนลำปาว
ลักษณะภูมิอากาศ ลักษณะภูมิอากาศในพื้นที่มีลักษณะแบบทุ่งหญ้าสะวันนา (Aw) คือมีอากาศร้อนสลับกับฤดูแล้ง มีฝนตกปานกลาง
- ฤดูหนาว ช่วงเดือนตุลาคม - กุมภาพันธ์ อากาศหนาวเย็นเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดที่มีอุณหภูมิต่ำสุด ได้แก่จังหวัดเลย
- ฤดูฝน ช่วงเดือนพฤษภาคม –กันยายน
- ฤดูร้อน ช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน ซึ่งเหมาะสำหรับการกระกอบอาชีพด้านการเกษตรที่มีทรัพยากรน้ำ ที่มีความอุดมสมบูรณ์
ลักษณะของดิน ในพื้นที่เป็นดินร่วนปนทราย ดินเหนียว และมีธาตุอาหาร ใต้ดินมีน้ำใต้ดินทำให้เกิดชุมชื้น ซึ่งเหมาะในการเพาะปลูกพืช ทำไร่ ทำนา และการประมง
ลักษณะของแหล่งน้ำ เทศบาลตำบลลำคลองมีแหล่งดังนี้ แหล่งน้ำธรรมชาติได้แก่ลำน้ำ, ลำห้วย ๔ สายที่สำคัญคือ ลำน้ำปาว ลำห้วยซัน ลำห้วยน้อย และลำห้วยใหญ่และ บึง,หนองและอื่นๆ๗ แห่ง ที่สำคัญคือ หนองหัวลิง, หนองสิม,หนองแวง,หนองค่า,หนองม่วงกุดฟ้าน้อย กุดฟ้าใหญ่
ชุมชนเทศบาลลำคลอง มีศักยภาพ และ ทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งภูมิปัญญาดังนี้
๑. การศึกษา ในชุมชนมี โรงเรียนประถมศึกษา๒ แห่ง และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ๒ แห่ง ดังนี้
โรงเรียนประถมศึกษา๒ แห่ง ได้แก่ โรงเรียนสะอาดประชาสรรพ์ และ โรงเรียนบ้านหนองม่วง ทั้งสองโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีจำนวนนักเรียนที่มาจากทั้ง ๗ บ้าน และหมู่บ้านใกล้เคียง รวมทั้งสิ้นมีเด็กในวัยเรียน ๑๙๗ คน และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน ๕๙ คน
๒. สาธารณสุข เทศบาลตำบลลำคลอง มีสถานีอนามัย ตั้งอยู่ที่บ้านสะอาดนาทม หมู่ที่ ๑มีจำนวน
บุคลากร๔คนอัตราการมีและการใช้ส้วมราดน้ำ ร้อยละ ๑๐๐
๓. อาชญากรรมและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเทศบาลตำบลลำคลองไม่มีสถานีตำรวจภายในตำบลในการรักษาความปลอดภัยภายในตำบลภายในหมู่บ้านทำให้ผู้นำชุมชนเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยและรักษาความสงบถ้าเกิดเหตุจะประสานไปยังตำรวจภายใน สภ. ลำปาว
๔. ยาเสพติด ปัญหาด้านการค้าและแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ อยู่ในระดับปานกลางเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ยาเสพติดที่มีปัญหาการค้าและแพร่ระบาดมากที่สุด คือ ยาบ้า รองลงมาเป็นกัญชาแห้ง และสารระเหย ตามลำดับ ส่วนไอซ์ กัญชาสด และพืชกระท่อม สภาพปัญหาอยู่ในระดับไม่รุนแรง
๕. การสังคมสงเคราะห์ งานในด้านการบำบัดและพื้นฟูผู้ป่วยและผู้ติดยาเสพติด และการส่งเสริมอาชีพให้กับผู้ผ่านการบำบัดและพื้นฟู แก้ไขผู้กระทำผิดประกอบด้วยผู้กระทำผิดที่มาจากหลากหลายรูปแบบของสังคม เป็นเด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ ชาย หญิง ผู้พิการ
๖. ด้านระบบบริการพื้นฐาน
๑) การคมนาคมขนส่ง เทศบาลตำบลลำคลอง มีพื้นที่ห่างจากเมืองกาฬสินธุ์๒๐ กิโลเมตรผ่านไปยัง อำเภอสหัสขันธ์ ส่วนภายในตำบลถนนสายหลักที่ผ่านภายในหมู่บ้านจะเป็นลาดยาง คสล. และถนนลูกรังถนนลูกรังจะมีปัญหาในการคมนาคม ในฤดูฝน เนื่องจากเป็นหลุมเป็นบ่อน้ำขัง
๒) การไฟฟ้า หมู่บ้านที่ไฟฟ้าเข้าถึง จำนวน๗ หมู่บ้าน
๓) การประปา เทศบาลตำบลลำคลองได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการให้บริการประชาชนในการจัดให้มีน้ำประปาอย่างทั่วถึงทุกหมู่บ้าน ปัจจุบันเทศบาลตำบลลำคลองมีระบบน้ำประปาผิวดิน จำนวน ๖ โครงการ ซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชนในการอุปโภคบริโภค
๔)การโทรคมนาคม โทรศัพท์สาธารณะ ๗๑ แห่ง
๕) ไปรษณีย์และการสื่อสาร ประชาชนในพื้นที่ใช้บริการไปรษณีย์ในเขตพื้นที่ตำบลไกลเคียงคือตำบลหนองสอ ซึ่งมีระยะทางประมาณ ๕ กิโลเมตร แต่มีเจ้าหนี้ให้บริการในพื้นที่ การสื่อสารประชาชนในพื้นที่ให้โทรศัพท์สาธารณะเป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่ให้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในการตืดต่อสื่อสารเป็นหลัก
๗. ระบบเศรษฐกิจ ชุมชนมีอาชีพและรายได้จากการประกอบอาชีพดังนี้
๑) การเกษตรประชากรในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลประกอบอาชีพทางการเกษตร ได้แก่ ข้อมูลด้านการเกษตร พื้นที่ทั้งหมด ๑๔,๗๔๔ ไร่
(๑) ข้าวนาปี ๗,๒๑๔ ไร่จำนวน ๔๕๖ ครัวเรือน
(๒) ข้าวนาปรัง ๑.๒๐๐ ไร่จำนวน ๒๐๐ ครัวเรือน
(๓) พืชไร่ ๒,๖๐๒ ไร่จำนวน ๑,๒๖๔ ครัวเรือน
(๔) ไม้ผล ๘ ไร่จำนวน ๙ ครัวเรือน
(๕) ไม้ยืนต้น ๕๒ ไร่จำนวน ๓ ครัวเรือน
(๖) พืชผัก ๗๔ ไร่จำนวน ๑๐๗ ครัวเรือน
(๗) การเกษตรอื่นๆ๑๑๒ ไร่ จำนวน ๕๖ ครัวเรือน
๒) การประมง
(๑) การเลี้ยงกุ้งก้ามกราม
(๒) การเลี้ยงปลาในบ่อดิน
(๓) การอนุบาล ลูกปลานิลเพื่อจำน่าย
(๔) อาชีพการประมงน้ำจืดในเขื่อนลำปาว
๓) ด้านประศุสัตว์
(๑) การเลี้ยง โค กระบือ
(๒) การเลี้ยงสุกร
(๓) การเลี้ยงเป็ด ไก่ดำ ไก่พันธุ์ไข่ ไก่พันธุ์พื้นเมือง
๔) การบริการ เทศบาลตำบลลำคลองได้จัดให้มีการบริการประชาชนดังนี้
(๑) ด้านการนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินโดยเปิดให้บริการตลอด ๒๔ ชั่วโมง
(๒) การให้บริการจัดเก็บภาษีเคลื่อนที่
(๓) การให้บริการแจกเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยเอดส์
(๔) การบริการเก็บขยะ และการดูดสิ่งปฏิกูลโดยคิดค่าบริการในราคาต่ำเพื่อลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของประชาชนในพื้นที่
๕) การท่องเที่ยว พื้นที่รับผิดชอบติดกับแหล่งท่องเทียวที่สำคัญ เช่น จุดชมวิวเขื่อนลำปาว ตลาดชุมชนคนขายปลา (ผันน้ำ) และ หาดดอกเกด (ทะเลอีสาน)
๖) อุสาหกรรม พื้นที่เทศบาลตำบลลำคลอง ไม่มีโรงงานอุสาหกรรม ในพื้นที่เทศบาลตำบลลำคลองเป็นลักษณะอุสาหกรรมในครัวเรือน เป็นอุสาหกรรมขนาดเล็ก
๗) การพาณิชย์และกลุ่มอาชีพ เป็นการรวมกลุ่มของประชาชน การรวมกลุ่มทุกประเภท …๑๓… กลุ่ม แยกประเภทกลุ่ม
(๑) กลุ่มอาชีพ …๑๓… กลุ่ม
(๒) กลุ่มออมทรัพย์ …๑๓… กลุ่ม
(๓) กลุ่มอื่นๆ……-…… กลุ่ม
๘) แรงงาน ในพื้นที่เป็นการใช้แรงงานเกี่ยวกับการเกษตร การประมง การประศุสัตว์ ซึงเป็นอุสาหกรรมในครัวเรือน และการใช้แรงงานด้านการก่อสร้างในพื้นที่ และพื้นที่ไกลเคียงเป็นบ่างส่วน ประชากรส่วนมากในพื้นที่ ประกอบอาชีพเกษตรซึ่งซึ่งมีลักษณะการใช้แรงงานเป็นกลุ่ม เป็นชุมชนหมุนเวียนในกลุ่ม ในชุนชน
๘. ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม
๑) การนับถือศาสนา ประชากรส่วนมากในพื้นที่เทศบาลตำบลลำคลองนับถือศาสนาพุทธ สถาบัน องค์กรทางศาสนา เช่น วัด/สำนักสงฆ์ จำนวน ๗ แห่ง ได้แก่ วัดบ้านสะอาดนาทม วัดป่าศิริวรรณ วันศิริเจริญสุขวัดอนุมัจฉาราม วัดป่าชลประทานนิมิตวัดอัมพวันม่วงน้อย และ วัดมัจฉาราม
๒) ประเพณีและงานประจำปี ชุมชนมี ประเพณี มีขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมคติความเชื่อวิถีปฏิบัติที่หลากหลายแต่ละฤดู เดือน จะมีพิธีปฏิบัติกิจกรรมตามความเชื่อหลากหลาย ชาวอีสานจะรู้จักดี คือ ฮีตสิบสองคลองสิบสี่เป็นภูมิปัญญา มรดกอันล้ำค่าของปราชญ์อีสานที่ทุกคนควรศึกษาและทำความเข้าใจในพื้นฐานความเชื่อคติเดิมชาวอีสานมากขึ้น เป็นส่วนที่ทำให้ชาวอีสานมีความสงบสุขร่มเย็นมาโดยตลอด เป็นภูมิปัญญา มรดกอันล้ำค่าของปราชญ์อีสานที่ทุกคนควรศึกษาและทำความเข้าใจในพื้นฐานความเชื่อคติเดิมชาวอีสานมากขึ้น เป็นส่วนที่ทำให้ชาวอีสานมีความสงบสุขร่มเย็นมาโดยตลอด โดยฮีตสิบสองคลองสิบสี่นี้ จะประกอบไปด้วย ฮีต ๑๒ ฮีต และคลอง ๔ ประเภท มี ๑๔ คลอง ได้แก่ บุญเข้ากรรม(บุญเดือนอ้าย)บุญคูณลาน เดือนยี่บุญข้าวจี่(เดือนสาม) บุญเผวสหรือบุญมหาชาติ (เดือนสี่) บุญสงกรานต์ (บุญเดือนห้า) บุญบั้งไฟ (บุญเดือนหก)บุญเข้าพรรษาบุญข้าวประดับดินบุญข้าวสากบุญออกพรรษา บุญกฐิน
๓) ภูมิปัญญาท้องถิ่น การเอาทรัพยากรความรู้ ทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่ในท้องถิ่น ซึ่งอาจเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน หรือเป็นลักษณะประจำท้องถิ่นมีคล้ายกันก็ได้ ภูมิปัญญาพื้นบ้านในแต่ละท้องถิ่นเกิดจากการที่ชาวบ้านแสวงหาความรู้เพื่อเอาชนะอุปสรรคทางธรรมชาติ ทางสังคมที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ภูมิปัญญาพื้นบ้านจึงเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและวิถีชีวิตชาวบ้าน เช่น การประกอบประเพณี พิธีกรรมของชุมชน เป็นกิจกรรมที่ทำให้ผู้กระทำสบายใจ รู้สึกอบอุ่นไม่โดดเดี่ยว ให้คุณค่าทางจิตใจและความรู้สึกถือว่าเป็นพลังทางศีลธรรมหรือประเพณี การรวมกำลังช่วยกันทำงานที่ใหญ่หลวงเกินวิสัยที่จะทำได้สำเร็จคนเดียว เช่น สร้างวัด สร้างถนนหนทาง หรือขุดลอกแหล่งน้ำ เป็นกิจกรรมที่แสดงถึงความเอื้อเฟื้อช่วยเหลือกันภายในชุมชน ทำให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยทั่วไปภูมิปัญญาพื้นบ้านเป็นรูปแบบการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อนเป็นประโยชน์แก่คนทุกระดับ มีลักษณะเด่นคือสร้างสำนึกเป็นหมู่คณะสูงทั้งในระดับครอบครัวและเครือญาติ
๔) สินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึก เป็นสินค้าที่เกิดจากการผลิตของกลุ่มอาชีพที่ได้รับการส่งเสริม สนับสนุนจากเทศบาลตำบลลำคลองเช่น ตระกล้าไม้ไผ่ จากกลุ่มจักรสาร ปลาส้มถอดก้าง ปลาแห้ง ปลาหล้า กุ้งก้ามกราม ผักปลอด

๙. ด้านทรัพยากร เทศบาลลำคลองมีทรัพยากรธรรมชาติ เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติและป้าไม้ในที่สาธารณา ดังนี้
๑. แหล่งน้ำธรรมชาติ เทศบาลตำบลลำคลองมีแหล่งดังนี้ แม่น้ำที่เป็นลำห้วย ๔ สายที่สำคัญคือ ลำน้ำปาว ลำห้วยซัน ลำห้วยน้อย และลำห้วยใหญ่ บึง หนองและอื่นๆ ๗ แห่ง ที่สำคัญคือ หนองหัวลิง หนองสิม หนองแวง หนองค่า หนองม่วง กุดฟ้าน้อย และกุดฟ้าใหญ่
๒. ป่าไม้ทุ่งที่อยู่ในที่สาธารณะประโยชน์ ได้แก่ โคกดอนก่อ ดอนปู่ตาบ้านหาดทอง โคกป่าช้าหนองม่วง โคกวัดป่าศิวิวรรณ ดอนปู่ตาบ้านสะอาดใต้
๓. ด้านคุณภาพของทรัพยากรธรรมชาติ ส่วนใหญ่เป็นป่าเสื่ยมโทรม ซึ่งเกิดจาการบุกรุกของประชาชนในพื้นที่ ซึงเทศบาลตำบลลำคลองได้มีโครงการปลูกป่าทดแทนพื้นที่ป่าที่ถูกทำลายประจำทุกปี หาประชาชนมีความเข้าใจในการรักษาป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติจะส่งผลให้การอนุรักษ์ป่าที่เป็นแหล่งต้นน้ำ ที่ใช้ในการหาเห็น ที่อยู่อาศัยของนก สัตว์ป่า และแหล่งเลี้ยงชุมชน จะมีป่าอยู่คู่กับชุมชนต่อไป
[ / ] ปัญหาคุณภาพชีวิตชุมชนต้องการพให้มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เข้าร่วมส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน จากการให้บริการวิชาการแก่ชุมชน ของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม โดยดำเนินการในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ที่มีผลงานเชิงประจักษ์ โดยทีมงานสำนักบริการวิชาการ รศ.ประสบสุข ฤทธิเดช และคณะ ได้ลงพื้นที่พัฒนาชุมชน ส่งผลให้ ชุมชนในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ให้ความสนใจขอให้มหาวิทยาลัยร่วมพัฒนาชุมชน เมื่อชุมชน โดยการนำของผู้นำชุมชน นายสถาพรฉายประดิษฐ์ นายกเทศบาล ได้มาติดต่อสำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลั้ยราชภัฏมหาสารคาม เพื่อให้ศึกษาและร่วมพัฒนาชุมชน โดยชุมชนมีความต้องการหลายประเด็น ทั้งนี้หากเป็นไปได้ การทำฐานข้อมูลชุมชน นำสู่การวิเคราะห์เพื่อยกระดับการคุณภาพชีวิตของชุมชน การเข้าใจ เข้าถึง ชุมชนในพื้นที่ จึงเป็นขุดเริ่มต้นในการเข้าร่วมพัฒนา ชุมชนอย่างแท้จริง การที่ชุมชนมีปัจจัยและสิ่งที่เป็นองค์ความรู้ ทรัพยากร และความหลายกหลายอาชีพและรายได้ที่ดำเนินการชีวิตมาแต่เดิมนั้น หากจะเห็นการศึกษาเรียนรู้เข้าใจวัฒนธรรมของชุมชน สร้างเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ที่ดี ธำรงค์ไว้ และเติมเต็มในสิ่งที่ชุมชนต้องการเพื่อพัฒนาการเป็นอยู่ของชุมชนให้รู้เท่าทันประเทศไทยและโลก ๔.๐ รวมทั้งเทคโนโลยีอื่น ๆที่จะแทรกเข้ามาทางช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ อันจะทำให้ชุมชนเข้าใจผิดและหลงเชื่อด้วยความรู้ไม่เท่าทันสื่อและเทคโนโลยี ดังนั้นการทำให้ชุมชนสามารถเรียนรู้ เข้าใจ ในเทคโนโลยีผสานกับวิถีชีวิตของชุมชนอย่างเข้มแข็ง เพื่อธำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมดีดีงาม สืบสาน ต่อยอด จนทำให้สังคมได้รับการยอมรับหรือสร้างความโดเด่นเชิงวัฒนธรรมให้กับชุมชนได้นั้น ชุมชนจะต้องมีส่วนร่วมใน ร่วมคิด ร่วมวางแผน วิเคราะห์ปัญหา ความต้องการ และขับเคลื่อนการพัฒนาไปด้วยกัน ให้เกิดผลงานที่เป็นผลลัพธ์ที่ส่งผลถึงความภาคภูมใจของชุมชน บนพื้นฐานวัฒฯธรรมและวิ๔ชีวิตของชุมชน
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จึงสนใจรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่เป็นการบูรณาการศาสตร์“บูรณาการศาสตร์โดยใช้ชุมชนเป็นฐานในการเรียนรู้” เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และปฏิบัติการในพื้นที่จริงให้กับนักศึกษา สร้างงานวิจัยให้กับอาจารย์พี่ลี้ยงที่เป็นงานวิชัยเชิงพื้นที่ร่วมแก้ปัญหาเชิงพื้นที่ให้กับประเทศชาติ โดยการนำนักศึกษา บุคลากร อาจารย์ที่มีความรู้ในศาสตร์ มีประสบการณ์วิจัยในพื้นที่ ร่วมปฏิบัติการลงพื้นที่ในชุมชนที่ต้องและได้เสนอให้มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามลงพื้นที่ เพื่อยกระดับส่งเสริมการพัฒนาชุมชน โดยชุมชนได้ขอร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม (ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจ MOU) เพื่อให้ชุมชนได้มีโอกาสพัฒนาต่อยอดตามบริบทและความต้องการของชุมชน ดังนี้ โครงการอาสาประชารัฐ ในครั้งนี้ จะเป็นกิจกรรมที่สำคัญมากที่จะทำให้มหาวิทยาลัยได้ศึกษาวิเคราะห์ ออกแบบการส่งเสริมพัฒนาชุมชน โดยบูรณาการการเรียนการสอนของอาจารญ์และนักศึกษาหลาย ๆ ศาสตร์ ร่วมลงพื้นที่เพื่อวิเคราะห์บริบท ปัญหา สร้างฐานข้อมูลชุมชน นำมาวิเคราะห์และพัฒนาต่อยอด
ผลที่ได้กับชุมชน ชุมชนจะมีความเข้าใจในตนเอง รู้จักหน้าที่และสิทธิ ในการครองตนการเป็นพลเมืองที่ดี สร้างสุขภาวะในชุมชน สร้างสุขภาพที่ดีของชุมชนและครอบครัว การดูแลตนเอง การรู้จัดเลือกกิน เลือกใช้ เลือกผลิต อาหารที่ถูกหลัก การดูแลสุขภาวะของตนเอง-คนสูงอายุและเด็กเล็ก-รวมทั้งเยาวชนในวัยเรียน ให้รู้จักการประกอบอาชีพ สร้างรายได้และเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านเทคโนโลยีมือถือของชุมชน โดยกิจกรรมร่วมกับชุมชนน้อมนำราชโชบายของราชภัฏสู่การพัฒนาท้องถิ่นสร้างจิตอาสาในชุมชน โดย ราชภัฏสร้าง “จิตอาสาประชารัฐพัฒนาชุมชน”ให้เป็นไปตาม ปณิทานของราชภัฏ “”คนของพระราชา ข้าของแผนดิน” ที่ร่วมกันในการลงพื้นที่เพื่อพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป อันจะส่งผลให้ มหาวิทยาลัยราชภัฏได้นำนักศึกษาและอาจารย์ได้ลงปฏิบัติการ วิจัยและศึกษาข้อมูลในชุมชน โดยนำนักศึกษาลงพื้นที่ปฏิบัติจริงในชุมชน เสริมสร้างการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะผู้เรียนให้ครอบคลุมในการอยู่ร่วมกันในสังคมโดยใช้ศาสตร์ที่ได้ศึกษาในหลักสูตร บูรณาการเข้ากับศาสตร์ของกลุ่มที่ร่วมพัฒนา สร้างองค์ความรู้ใหม่ “ชีวิต ๔.๐ ในชุมชนมีความสุขด้วยการเรียนรู้ตลอดชีวิต”

4. ประเด็นปัญหาหลัก

5. ประเด็นที่เกี่ยวข้อง

6. องค์ความรู้หรือนวัตกรรมที่ใช้ในการดำเนินโครงงาน

นวัตกรรมกระบวนการ ที่เป็นการนำศาสตร์หลายสาขามาบูรณาการ สร้างรูปแบบกิจกรรมที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน นำมากำหนดกิจกรรมในการลงพื้นที่ ที่ได้นำความรู้ของอาจารย์และนักศึกษา ไปสู่การพัฒนาชุมชน ยกระดับการเรียนรู้ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนที่ดีขึ้น ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจะเป็นกิจกรรมที่ได้จากการสังเคราะหืเมื่อคณะทำงานทุกกลุ่มลงพื้นที่สำรวจและศึกษาชุมชนพร้อมกัน นำมาวางแผนการทำงาน

7. วัตถุประสงค์

วัตถุประสงค์ / ตัวชี้วัดความสำเร็จขนาดเป้าหมาย 1 ปี
1 ๑. เพื่อส่งเสริมสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้จากชุมชนบูรณาการสู่การเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยราชภัฏที่บูรณาศาสตร์จากการจัดการศึกษา นำสู่การสร้างประสบการณ์ให้นักศึกษาโดยใช้พื้นที่ของชุมชน ที่ส่งผลต่อการส่งเสริมและสร้างความเข้าใจในหน้าที่และส่งเสริมสุขภาวะ ของชุมชนเทศบาลลำคลอง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชม โดยใช้หลักการ“นวัตวิถีเอกลักษณ์ชุมชนกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต”

 

0.00

8. กลุ่มเป้าหมาย

กลุ่มเป้าหมายจำนวน(คน)

9. ระยะเวลา

10. วิธีดำเนินงาน

รวมงบประมาณทุกกิจกรรมของแผนการดำเนินงาน จำนวน 0.00 บาท

รวมเงิน
ค่าใช้จ่าย (บาท) 0.00
เปอร์เซ็นต์ (%) 100.00%

11. งบประมาณ

0.00บาท

12. การติดตามประเมินผล

ต่อชุมชนต่อนักศึกษา
ผลผลิต (Output)
ผลลัพธ์ (Outcome)
ผลกระทบ (Impact)
นำเข้าสู่ระบบโดย Thanakit Thanakit เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2562 17:48 น.