แบบเสนอโครงการ
การผลิตปุ๋ยหมักอินทรีย์แบบเติมอากาศสำหรับเกษตรกรใช้ในชุมชน
1. ชื่อโครงการ
การผลิตปุ๋ยหมักอินทรีย์แบบเติมอากาศสำหรับเกษตรกรใช้ในชุมชนกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมศูนย์วิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามบ้านหัวงัว หมู่ 7,8 ตำบลหัวงัว อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ผศ.ดร.พรณรงค์ สิริปิยะสิงห์80 ถนนนครสวค์ ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม 44000siripiyasing@gmail.com โทร. 043-742620 มือถือ 0619353935ผศ.ดร.เนตรชนก จันทร์สว่าง
ผศ.ดร.ยุวดี อินสำราญ
ผศ.ดร.ยุวดี อินสำราญ
2. พื้นที่ดำเนินงาน
3. รายละเอียดชุมชน
ลักษณะพื้นที่ ไม่ใช่ที่ดอน ฤดูฝนพื้นที่ส่วนใหญ่จะเกิดน้ำท่วม มีระบบชลประทานสะดวก เหมาะกับการทำนาปรัง การเลี้ยงสัตว์ประชากรส่วนใหญ่ในหมู่บ้านมีที่ดิน และที่ทำกินเป็นของตนเอง มีแหล่งน้ำคลองที่ส่งมาจากเขื่อนลำปาว อาชีพหลักคือ การทำนา โดยเฉพาะการทำนาปรัง และอาชีพเสริมคือ การเลี้ยงสัตว์พื้นที่การทำนาหรือทำการเกษตรของเกษตรกรส่วนใหญ่ยังใช้ปุ๋ยเคมีกันมาก จึงต้องการลดการใช้ปุ๋ยและสารเคมี และหันมาใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ที่ผลิตได้เองโดยเกษตรกรในชุมชนประชาชนในหมู่บ้านต้องการลดการใช้สารเคมีในการทำนา หรือการปลูกพืชผัก โดยผ่านการเรียนรู้แลกเปลี่ยนจากผู้รู้ หรือภูมิปัญญาในท้องถิ่นอันจะทำให้มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยการถ่ายทอดเรียนรู้ร่วมกัน “ให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ในแปลงนา หรือสวนพืชผัก ซึ่งจะช่วยลดปัญหาทางด้านสารเคมีและลดต้นทุนในการผลิต การผลิตปุ๋ยหมักแบบเติมอากาศจึงเป็นอีกแนวทางหนึ่งสำหรับการผลิตปุ๋ยหมักของกลุ่มเกษตรกรที่จะรวมกลุ่มกันผลิตปุ๋ยอินทรีย์ไว้ใช้เองเพื่อลดต้นทุนการผลิตในการทำนา ทำสวนพืชผัก ซึ่งการผลิตปุ๋ยหมักแบบเติมอากาศเป็นกระบวนการหมักเริ่มขึ้นหลังจากนำส่วนผสมวัสดุอินทรีย์ตามสูตร คือ มูลไก่แกลบ 3 ส่วน มูลวัว 3 ส่วน และเศษวัสดุ 1 ส่วน โดยน้ำหนัก ที่ระดับความชื้นใกล้เคียงกัน ได้ผสมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันดีแล้วพร้อมกับปรับความชื้นให้ได้ในระดับ 60 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก หรือเปียกชุ่มแต่ไม่แฉะ หรือเมื่อใช้มือกำจะเป็นก้อนแต่ต้องไม่มีน้ำไหลออกมาจากวัสดุและเมื่อใช้นิ้วบี้จะแตกออกโดยง่าย การปรับความชื้นมีความสำคัญเพราะมีผลต่อช่องว่างในกองปุ๋ยหมัก ช่องว่างที่เหมาะสมมีผลทำให้อากาศในกองปุ๋ยหมักมีการหมุนเวียนเติมออกซิเจนให้กับจุลินทรีย์ในกองปุ๋ยหมักอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ภายในกองปุ๋ยไม่เกิดสภาวะขาดออกซิเจน และช่วยปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และน้ำจากการหายใจของจุลินทรีย์ และสะสมความร้อนในกองปุ๋ยหมักให้มีความสมดุลกับจุลินทรีย์ย่อยสลายซึ่งชอบอุณหภูมิสูง สร้างเสริมกระบวนการหมักให้ประสิทธิภาพสูงเร่งการย่อยสลายให้เร็วขึ้นสม่ำเสมอทั่วทั้งกอง ลดการสูญเสียไนโตรเจน และการเกิดแก๊สมีเทนกับไนตรัสออกไซด์มีน้อยลง ซึ่งภายในกองปุ๋ยหมักจะมีการเปลี่ยนแปลงสมบัติต่างๆ ดังนี้
1) อุณหภูมิและความชื้น เป็นปัจจัยที่ต้องตรวจสอบและควบคุม ในช่วงแรกทำให้เกิดความร้อนสะสมขึ้นในกองปุ๋ยหมัก จะเริ่มมีอุณหภูมิสูงขึ้นจากความร้อนสะสมที่ขับออกมาจากการหายใจของจุลินทรีย์ในกองปุ๋ยหมักภายใน 3 วัน และจะเพิ่มเรื่อยๆไปจนถึงระดับที่ควบคุม 55-65 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 21 วัน (หากอุณหภูมิสูงเกินไปจุลินทรีย์ย่อยสลายบางชนิดจะถูกทำลาย) ความร้อนสูงในระดับนี้ จะช่วยฆ่าเชื้อโรคของคน สัตว์ และพืช รวมทั้งทำลายการงอกของวัชพืชและสารพิษบางชนิดที่ตกค้างในวัสดุอินทรีย์ จึงทำให้กองปุ๋ยหมักปลอดภัยจากเชื้อโรคและวัชพืช เมื่อครบ 30 วัน จึงย้ายออกจากซองหมักระบบเติมอากาศ เพื่อให้เกิดการย่อยสลายต่อเนื่อง และเมื่ออุณหภูมิในกองปุ๋ยลดต่ำลงเท่ากับอุณหภูมิในอากาศ ปุ๋ยหมักก็จะเข้าสู่ระยะที่มีการย่อยสลายสมบูรณ์
2) อินทรียวัตถุและอัตราส่วนคาร์บอนต่อไนโตรเจน ปุ๋ยหมักเป็นวัสดุอินทรีย์ที่สำคัญที่ให้อินทรียวัตถุแก่ดิน ซึ่งอินทรียวัตถุในปุ๋ยหมักเป็นอินทรียวัตถุที่ผ่านการย่อยสลายจนคงตัวในรูปของฮิวมัส ปริมาณอินทรียวัตถุในปุ๋ยหมักจะมีมากหรือน้อยจะขึ้นอยู่กับวัสดุอินทรีย์ที่เป็นองค์ประกอบในปุ๋ยหมัก ความคงตัวของปุ๋ยหมักวัดจากอัตราส่วนคาร์บอนต่อไนโตรเจน ซึ่งอัตราส่วนจะลงลงน้อย หรือการย่อยสลายจะน้อยมาก ปริมาณอินทรียวัตถุจะคงที่หลังจากมีการลดความชื้นให้ต่ำลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดวัสดุอินทรีย์ที่นำมาใช้ทำปุ๋ยหมัก
3) การเปลี่ยนแปลงของค่าปฏิกิริยากรด-ด่าง ในกองปุ๋ยหมัก ปฏิกิริยากรด-ด่างของวัสดุอินทรีย์ในกองปุ๋ยหมักจะค่อยๆ เปลี่ยนสภาพเป็นกรด ค่าปฏิกิริยากรด-ด่าง อาจต่ำถึง 4.5-5 และเมื่อปุ๋ยหมักย่อยสลายสมบูรณ์ ค่าปฏิกิริยากรด-ด่าง มากกว่า 7.5
4) การแปรสภาพของธาตุอาหารพืชในกองปุ๋ยหมัก ธาตุอาหารพืชในปุ๋ยหมักมาจากแร่ธาตุที่ปนมากับวัสดุ และการแปรสภาพในกระบวนการย่อยสลายหรือกระบวนการปุ๋ยหมัก ปลดปล่อยสารอนินทรีย์ในรูปอิออนต่างๆที่พืชดูดใช้ได้ เช่นเดียวกับรูปอิออนแร่ธาตุในปุ๋ยเคมี แต่ได้มาจากกาย่อยสลายจากวัสดุอินทรีย์ จึงทำให้ปุ๋ยหมักมีข้อดีที่ประกอบด้วยแร่ธาตุอาหารที่จำเป็นกับพืชเกือบทุกชนิดทั้งธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริม รวมทั้งยังมีสารอินทรีย์ที่ยังย่อยสลายแปรสภาพเป็นแร่ธาตุยังไม่หมดจะค่อยๆ แปรสภาพเป็นแร่ธาตุที่พืชดูดไปใช้ได้ปลดปล่อยออกมาทีหลังใส่ให้กับพืช
5) การย่อยสลายสมบูรณ์ของปุ๋ยหมัก เป็นตัวชี้วัดความเป็นประโยชน์ของปุ๋ยหมักต่อพืชโดยตรง เนื่องจากเป็นการวัดปริมาณสารพิษที่มีผลกระทบต่อการงอก ได้แก่ แก๊สแอมโมเนียและแก๊สไฮโดรเจนซัลโฟด์หรือแก๊สไข่เน่า กรมวิชาการเกษตร (2558 : 5-6)
ข้อดีของปุ๋ยหมักแบบเติมอากาศ คือ ให้ธาตุอาหารอยู่ในรูปที่เป็นประโยชน์ ทำลายเมล็ดวัชพืชและเชื้อที่ก่อให้เกิดโรค สะดวกในการเก็บรักษา ขนส่งและนำไปใช้ ช่วยลดต้นทุนการกลับกองปุ๋ยหมักและขั้นตอนในการดำเนินงาน และระยะเวลาในการหมักสั้น ดังนั้นการทำปุ๋ยหมักแบบเติมอากาศก็จะช่วยเพิ่มมูลค่าเศษวัสดุเหลือใช้และเพิ่มรายได้จากการผลิตปุ๋ยจำหน่ายรวมถึงการช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม จึงน่าจะเป็นแนวทาง หรือทางเลือกหนึ่งสำหรับเกษตรกรที่จะรวมกลุ่มกันผลิตปุ๋ยหมักอินทรีย์ไว้ใช้เองหรือจำหน่ายอย่างจริงจัง
1) อุณหภูมิและความชื้น เป็นปัจจัยที่ต้องตรวจสอบและควบคุม ในช่วงแรกทำให้เกิดความร้อนสะสมขึ้นในกองปุ๋ยหมัก จะเริ่มมีอุณหภูมิสูงขึ้นจากความร้อนสะสมที่ขับออกมาจากการหายใจของจุลินทรีย์ในกองปุ๋ยหมักภายใน 3 วัน และจะเพิ่มเรื่อยๆไปจนถึงระดับที่ควบคุม 55-65 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 21 วัน (หากอุณหภูมิสูงเกินไปจุลินทรีย์ย่อยสลายบางชนิดจะถูกทำลาย) ความร้อนสูงในระดับนี้ จะช่วยฆ่าเชื้อโรคของคน สัตว์ และพืช รวมทั้งทำลายการงอกของวัชพืชและสารพิษบางชนิดที่ตกค้างในวัสดุอินทรีย์ จึงทำให้กองปุ๋ยหมักปลอดภัยจากเชื้อโรคและวัชพืช เมื่อครบ 30 วัน จึงย้ายออกจากซองหมักระบบเติมอากาศ เพื่อให้เกิดการย่อยสลายต่อเนื่อง และเมื่ออุณหภูมิในกองปุ๋ยลดต่ำลงเท่ากับอุณหภูมิในอากาศ ปุ๋ยหมักก็จะเข้าสู่ระยะที่มีการย่อยสลายสมบูรณ์
2) อินทรียวัตถุและอัตราส่วนคาร์บอนต่อไนโตรเจน ปุ๋ยหมักเป็นวัสดุอินทรีย์ที่สำคัญที่ให้อินทรียวัตถุแก่ดิน ซึ่งอินทรียวัตถุในปุ๋ยหมักเป็นอินทรียวัตถุที่ผ่านการย่อยสลายจนคงตัวในรูปของฮิวมัส ปริมาณอินทรียวัตถุในปุ๋ยหมักจะมีมากหรือน้อยจะขึ้นอยู่กับวัสดุอินทรีย์ที่เป็นองค์ประกอบในปุ๋ยหมัก ความคงตัวของปุ๋ยหมักวัดจากอัตราส่วนคาร์บอนต่อไนโตรเจน ซึ่งอัตราส่วนจะลงลงน้อย หรือการย่อยสลายจะน้อยมาก ปริมาณอินทรียวัตถุจะคงที่หลังจากมีการลดความชื้นให้ต่ำลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดวัสดุอินทรีย์ที่นำมาใช้ทำปุ๋ยหมัก
3) การเปลี่ยนแปลงของค่าปฏิกิริยากรด-ด่าง ในกองปุ๋ยหมัก ปฏิกิริยากรด-ด่างของวัสดุอินทรีย์ในกองปุ๋ยหมักจะค่อยๆ เปลี่ยนสภาพเป็นกรด ค่าปฏิกิริยากรด-ด่าง อาจต่ำถึง 4.5-5 และเมื่อปุ๋ยหมักย่อยสลายสมบูรณ์ ค่าปฏิกิริยากรด-ด่าง มากกว่า 7.5
4) การแปรสภาพของธาตุอาหารพืชในกองปุ๋ยหมัก ธาตุอาหารพืชในปุ๋ยหมักมาจากแร่ธาตุที่ปนมากับวัสดุ และการแปรสภาพในกระบวนการย่อยสลายหรือกระบวนการปุ๋ยหมัก ปลดปล่อยสารอนินทรีย์ในรูปอิออนต่างๆที่พืชดูดใช้ได้ เช่นเดียวกับรูปอิออนแร่ธาตุในปุ๋ยเคมี แต่ได้มาจากกาย่อยสลายจากวัสดุอินทรีย์ จึงทำให้ปุ๋ยหมักมีข้อดีที่ประกอบด้วยแร่ธาตุอาหารที่จำเป็นกับพืชเกือบทุกชนิดทั้งธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริม รวมทั้งยังมีสารอินทรีย์ที่ยังย่อยสลายแปรสภาพเป็นแร่ธาตุยังไม่หมดจะค่อยๆ แปรสภาพเป็นแร่ธาตุที่พืชดูดไปใช้ได้ปลดปล่อยออกมาทีหลังใส่ให้กับพืช
5) การย่อยสลายสมบูรณ์ของปุ๋ยหมัก เป็นตัวชี้วัดความเป็นประโยชน์ของปุ๋ยหมักต่อพืชโดยตรง เนื่องจากเป็นการวัดปริมาณสารพิษที่มีผลกระทบต่อการงอก ได้แก่ แก๊สแอมโมเนียและแก๊สไฮโดรเจนซัลโฟด์หรือแก๊สไข่เน่า กรมวิชาการเกษตร (2558 : 5-6)
ข้อดีของปุ๋ยหมักแบบเติมอากาศ คือ ให้ธาตุอาหารอยู่ในรูปที่เป็นประโยชน์ ทำลายเมล็ดวัชพืชและเชื้อที่ก่อให้เกิดโรค สะดวกในการเก็บรักษา ขนส่งและนำไปใช้ ช่วยลดต้นทุนการกลับกองปุ๋ยหมักและขั้นตอนในการดำเนินงาน และระยะเวลาในการหมักสั้น ดังนั้นการทำปุ๋ยหมักแบบเติมอากาศก็จะช่วยเพิ่มมูลค่าเศษวัสดุเหลือใช้และเพิ่มรายได้จากการผลิตปุ๋ยจำหน่ายรวมถึงการช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม จึงน่าจะเป็นแนวทาง หรือทางเลือกหนึ่งสำหรับเกษตรกรที่จะรวมกลุ่มกันผลิตปุ๋ยหมักอินทรีย์ไว้ใช้เองหรือจำหน่ายอย่างจริงจัง
4. ประเด็นปัญหาหลัก
5. ประเด็นที่เกี่ยวข้อง
6. องค์ความรู้หรือนวัตกรรมที่ใช้ในการดำเนินโครงงาน
- การใช้วัสดุเหลือใช้จากการเกษตรมาผลิตปุ๋ยหมักอินทรีย์
7. วัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์ / ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาด | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1 เพื่อพัฒนาชุมชนในการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยการนำองค์ความรู้ที่หลากหลายใน สถาบันอุดมศึกษาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกิจกรรมโดยการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของผู้รู้ในท้องถิ่น ประชาชน อาจารย์ นักศึกษา ครู นักเรียน มาบูรณาการในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เกิดความยั่งยืน
|
0.00 | |
2 | 2 เพื่อนำองค์ความรู้ เกี่ยวกับ ปุ๋ยหมักอินทรีย์แบบเติมอากาศมาใช้ประโยชน์ในการส่งเสริม ใน ชุมชนร่วมกับนักเรียน นักศึกษา ผลิตเพื่อนำมาใช้เองในชุมชน หรือจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้ให้กับครัวเรือน
|
0.00 | |
3 | 3 เพื่อให้นักศึกษาได้ประยุกต์องค์ความรู้ในการปฏิบัติงานจริง มีความสามารถในการค้นคว้า คิด วิเคราะห์ ประมวลผล มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถออกแบบระบบงาน จนสามารถทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้ และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคม และมีจิตสาธารณะ รวมทั้งมีความใฝ่รู้อันจะก่อให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต
|
0.00 | |
4 | 4 เพื่อให้นักเรียนและนักศึกษา ได้ร่วมกันทำงานการศึกษา วางแผนการสำรวจ ทดลอง จัดกระทำข้อมูล และนำเสนอผลการศึกษา โดยใช้เทคโนโลยีกับชุมชน ทำให้ได้กระบวนการได้มาซึ่งองค์ความรู้โดยวิธีการสำรวจ ค้นคว้า และกระบวนการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ส่งผลให้พัฒนาทักษะกระบวนการคิด และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
|
0.00 |
8. กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) |
---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกเพิ่มเติม | |
นักศึกษา | 8 |
นักเรียนหรือเยาวชน | 25 |
ประชาชน/ครู/ผู้รู้ท้องถิ่น | 37 |
9. ระยะเวลา
10. วิธีดำเนินงาน
กิจกรรมที่ 1 1 สร้างความตระหนักการใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมีในการเกษตรและการหันมาผลิตและใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ที่เติมอากาศ
ชื่อกิจกรรม
1 สร้างความตระหนักการใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมีในการเกษตรและการหันมาผลิตและใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ที่เติมอากาศวัตถุประสงค์
รายละเอียดกิจกรรม
1. ประชุมเพื่อสร้างความตระหนัก2. ขออาสาสมัครร่วมกิจกรรมการผลิตและใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ที่เติมอากาศ
ระยะเวลาดำเนินงาน
15 มีนาคม 2563 ถึง 15 มีนาคม 2563ผลผลิต (Output) / ผลลัพธ์ (Outcome)
ผลผลิต (Output) /1.ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความรู้และตระหนักถึงโทษของสารเคมีและการหันมาผลิตและใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ที่เติมอากาศ
2. ประชาชน/นักเรียน ในพื้นที่ จำนวน 30 หลังคาเรือน หันมาผลิตและใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ที่เติมอากาศโดยตัวเองหรือชุมชน
3. นักเรียนและนักศึกษา นำเสนอข้อมูลปุ๋ยหมักอินทรีย์ที่เติมอากาศให้กับชุมชนว่ามีประโยชน์อย่างไร
ผลลัพธ์ (Outcome)
1. เกษตรกรผู้สนใจ เยาวชน นักเรียนและนักศึกษาร่วมกันทำกิจกรรมการเตรียม การผลิตและใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ที่เติมอากาศโดยตัวเองหรือชุมชน
2. นักเรียนและนักศึกษา ได้ร่วมกันทำงาน วางแผนการผลิตและใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ที่เติมอากาศโดยตัวเองหรือชุมชนและนำเสนอผลการศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีกับชุมชน
3. นักเรียนและนักศึกษาได้กระบวนการได้มาซึ่งองค์ความรู้โดยวิธีการค้นคว้า และการได้ลงมือทำจริง
ทรัพยากรอื่น ๆ
ภาคีร่วมสนับสนุน
องค์การบริหารส่วนตำบลหัวงัว อ.ยางตลาด จใกาฬสินธ์รายละเอียดงบประมาณ
ประเภท | จำนวน | บาท | ครั้ง | รวมเงิน |
---|---|---|---|---|
ค่าตอบแทนวิทยากร -ค่าตอบแทนวิทยากร (๒ คน x ๖๐๐ บาท x ๖ซม.) 7200 -ค่าตอบแทนผู้ช่วยวิทยากร 3 คน*300 5400 |
2 คน | 3,600 | 1 | 7,200 |
ค่าตอบแทนการประสานงาน | 3 คน | 1,800 | 1 | 5,400 |
ค่าอาหาร | 70 คน | 150 | 1 | 10,500 |
ค่าพาหนะเดินทาง - ค่าเดินทางในพื้นที่ | 13 คน | 240 | 1 | 3,120 |
ค่าถ่ายเอกสาร | 70 ชุด | 30 | 1 | 2,100 |
ค่าวัสดุสำนักงาน | 1 ครั้ง | 1,000 | 1 | 1,000 |
ค่าวัสดุในการฝึกอบรมอาชีพ/รายได้ | 1 ครั้ง | 10,000 | 1 | 10,000 |
ค่าเช่าสถานที่ | 1 ครั้ง | 1,000 | 1 | 1,000 |
รวมค่าใช้จ่าย | 40,320 |
กิจกรรมที่ 2 2 การผลิตปุ๋ยหมักอินทรีย์เติมอากาศและการนำไปใช้ประโยชน์จริง
ชื่อกิจกรรม
2 การผลิตปุ๋ยหมักอินทรีย์เติมอากาศและการนำไปใช้ประโยชน์จริงวัตถุประสงค์
รายละเอียดกิจกรรม
1. ให้ความรู้2. ขออาสาสมัครบ้านร่วมการผลิตปุ๋ยหมักอินทรีย์แบบเติมอากาศจำนวน 30 หลังคาเรือน
ระยะเวลาดำเนินงาน
20 มีนาคม 2563 ถึง 20 พ.ค. 2563ผลผลิต (Output) / ผลลัพธ์ (Outcome)
ผลผลิต (Output)1.ชาวบ้าน จำนวน 30 หลังคาเรือน ผลิตปุ๋ยหมักอินทรีย์แบบเติมอากาศนำไปใช้นำไปทดลองใช้ในสวนพืชผักและแปลงนาในคราวต่อไป โดยความร่วมมือของนักเรียนและนักศึกษา
2. นักเรียน นักศึกษา ศึกษาประสิทธิภาพของการใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์แบบเติมอากาศในการปลูกพืชผัก
3. ได้กระบวนการในการศึกษาและทำโครงงานวิทยาศาสตร์
ผลลัพธ์ (Outcome)
1.ชาวบ้านเกษตรกร นักเรียนและนักศึกษาร่วมกันทำกิจกรรมการเตรียม การผลิตปุ๋ยหมักอินทรีย์แบบเติมอากาศ และการนำไปใช้กับพืชผักและแปลงนาข้าว
2. นักเรียน นักศึกษา ได้ร่วมกันทำงาน วางแผนการติดตามผลการผลิตปุ๋ยหมักอินทรีย์แบบเติมอากาศ และการนำไปใช้กับพืชผักและแปลงนาข้าว จัดกระทำข้อมูล และนำเสนอข้อมูล
ทรัพยากรอื่น ๆ
ภาคีร่วมสนับสนุน
สาขาชีววิทยา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามรายละเอียดงบประมาณ
ประเภท | จำนวน | บาท | ครั้ง | รวมเงิน |
---|---|---|---|---|
ค่าตอบแทนวิทยากร | 2 คน | 3,600 | 1 | 7,200 |
ค่าตอบแทนการประสานงาน | 3 คน | 1,800 | 1 | 5,400 |
ค่าอาหาร | 70 คน | 150 | 1 | 10,500 |
ค่าพาหนะเดินทาง - อื่น ๆ | 13 คน | 240 | 1 | 3,120 |
ค่าถ่ายเอกสาร | 70 ชุด | 30 | 1 | 2,100 |
ค่าเช่าสถานที่ | 1 ครั้ง | 1,000 | 1 | 1,000 |
ค่าวัสดุสำนักงาน | 1 ครั้ง | 1,000 | 1 | 1,000 |
ค่าวัสดุในการฝึกอบรมอาชีพ/รายได้ | 1 ครั้ง | 80,000 | 1 | 80,000 |
รวมค่าใช้จ่าย | 110,320 |
กิจกรรมที่ 3 3 การวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์
ชื่อกิจกรรม
3 การวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์วัตถุประสงค์
รายละเอียดกิจกรรม
1. นักศึกษาแบ่งกลุ่ม เสนอเค้าโครงการวิจัย (วางแผนการทดลอง)2. นำตัวอย่างปุ๋ยหมักที่ผลิตได้ไปวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ที่ห้องปฏิบัติการ ตามพารามิเตอร์ที่กำหนด
ระยะเวลาดำเนินงาน
20 พ.ค. 2563 ถึงผลผลิต (Output) / ผลลัพธ์ (Outcome)
ผลผลิต (Output)1. ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เช่น ปริมาณธาตุอาหารต่างๆในปุ๋ย สมบัติทางกายภาพและเคมีของปุ๋ยหมักที่ผลิตได้ รวมทั้งสมบัติทางกายภาพและเคมีของดินหลังใช้ปุ๋ยหมักในแปลงสวนและแปลงนาข้าว เป็นต้น
2. รายงานวิจัย จำนวน 1 เรื่อง
ผลลัพธ์ (Outcome)
บทความวิจัย จำนวน 2 เรื่อง เพื่อเผยแพร่ในการนำเสนอในที่ประชุมวิชาการระดับชาติ หรือตีพิมพ์เผยแพร่
ทรัพยากรอื่น ๆ
เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ที่ใช้ในการวิเคราะห์ภาคีร่วมสนับสนุน
คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามรายละเอียดงบประมาณ
ประเภท | จำนวน | บาท | ครั้ง | รวมเงิน |
---|---|---|---|---|
อื่น ๆ ค่าสารเคมีและวัสดุการทดลอง |
1 ชุด | 79,140 | 1 | 79,140 |
รวมค่าใช้จ่าย | 79,140 |
กิจกรรมที่ 4 4. ติดตามและนำเสนอผลการวิจัย
ชื่อกิจกรรม
4. ติดตามและนำเสนอผลการวิจัยวัตถุประสงค์
รายละเอียดกิจกรรม
รายงานสรุปผลการดำเนินงานระยะเวลาดำเนินงาน
20 พ.ค. 2563 ถึงผลผลิต (Output) / ผลลัพธ์ (Outcome)
ผลผลิต (Output)-รายงานการวิจัย
ผลลัพธ์ (Outcome)
บทความวิจัย จำนวน 1-2 เรื่อง เพื่อเผยแพร่ในการนำเสนอในที่ประชุมวิชาการระดับชาติ หรือตีพิมพ์เผยแพร่
ทรัพยากรอื่น ๆ
ภาคีร่วมสนับสนุน
องค์การบริหารส่วนตำบลหัวงัวรายละเอียดงบประมาณ
ประเภท | จำนวน | บาท | ครั้ง | รวมเงิน |
---|---|---|---|---|
ค่าตอบแทนวิทยากร | 2 คน | 3,600 | 1 | 7,200 |
ค่าตอบแทนการประสานงาน | 3 คน | 1,800 | 1 | 5,400 |
ค่าอาหาร | 80 คน | 150 | 1 | 12,000 |
ค่าพาหนะเดินทาง - อื่น ๆ | 13 คน | 240 | 1 | 3,120 |
ค่าถ่ายเอกสาร | 70 ชุด | 100 | 1 | 7,000 |
ค่าเช่าสถานที่ | 1 ครั้ง | 1,000 | 1 | 1,000 |
ค่าวัสดุสำนักงาน | 1 ครั้ง | 1,500 | 1 | 1,500 |
อื่น ๆ | 1 ครั้ง | 33,000 | 1 | 33,000 |
รวมค่าใช้จ่าย | 70,220 |
รวมงบประมาณทุกกิจกรรมของแผนการดำเนินงาน จำนวน 300,000.00 บาท
ค่าตอบแทน | ค่าใช้สอย | ค่าวัสดุ | อื่น ๆ | รวมเงิน | |
---|---|---|---|---|---|
ค่าใช้จ่าย (บาท) | 37,800.00 | 56,560.00 | 93,500.00 | 112,140.00 | 300,000.00 |
เปอร์เซ็นต์ (%) | 12.60% | 18.85% | 31.17% | 37.38% | 100.00% |
11. งบประมาณ
300,000.00บาท
12. การติดตามประเมินผล
ต่อชุมชน | ต่อนักศึกษา | |
---|---|---|
ผลผลิต (Output) | 1 ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความรู้และตระหนักถึงโทษของสารเคมีและการหันมาผลิตและใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ที่เติมอาก | 1 นักศึกษา นำเสนอข้อมูลปุ๋ยหมักอินทรีย์ที่เติมอากาศให้กับชุมชนว่ามีประโยชน์อย่างไร |
ผลลัพธ์ (Outcome) | 1 เกษตรกรผู้สนใจ ร่วมกันทำกิจกรรมการเตรียม การผลิตและใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ที่เติมอากาศโดยตัวเองหรือชุมชน 2 เกษตรกร ในพื้นที่ จำนวน30 หลังคาเรือน หันมาผลิตและใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ที่เติมอากาศโดยตัวเองหรือชุมชน |
1 นักศึกษา ได้ร่วมกันทำงาน วางแผนการผลิตและใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ที่เติมอากาศโดยตัวเองหรือชุมชนและนำเสนอผลการศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีกับชุมชน 2 นักศึกษาได้กระบวนการได้มาซึ่งองค์ความรู้โดยวิธีการค้นคว้า และการได้ลงมือทำจริง |
ผลกระทบ (Impact) | 1 เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยการนำองค์ความรู้ที่หลากหลายใน สถาบันอุดมศึกษาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยการดำเนินกิจกรรมการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของผู้รู้ในชุมชนท้องถิ่น |
1 นักศึกษาได้ประยุกต์องค์ความรู้ในการปฏิบัติงานจริง มีความสามารถในการค้นคว้า คิด วิเคราะห์ ประมวลผล มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถออกแบบระบบงาน จนสามารถทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้ และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคม และมีจิตสาธารณะ รวมทั้งมีความใฝ่รู้อันจะก่อให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต |